วันพฤหัสบดีที่ ๑๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐

บทเรียนจากความผิดหวัง...






ไม่รู้ว่าขึ้นต้นแบบนี้จะเชยไปมั้ย... กับคำกล่าวที่ว่า ของทุกอย่างมันมีสองด้านเสมอ ขึ้นอยู่กับว่าจะมองมันยังไง...

มีสุข... ก็ต้องมีทุกข์
มีพบ... ก็ต้องมีจาก
มีเริ่ม... ก็ต้องมีเลิกรา

และ...

มีสมหวัง... ก็ต้องมี ... ผิดหวัง...

เป็นของธรรมดา...

ทั้งที่รู้ว่าเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต ที่ใครๆ ก็ต้องพบเจอ...

ทั้งที่รู้ว่า คนที่ไม่เคยล้ม คือคนที่ไม่เคยก้าวเดิน... คนที่ไม่เคยทำผิดพลาด... คือคนที่ไม่เคยทำอะไรเลย... คนที่ไม่เคยผิดหวัง... ก็คือคนที่ไม่กล้าแม้แต่จะมีความหวัง

ทั้งที่รู้ว่า ในชีวิตที่ผ่านมายี่สิบห้าปีแล้วนี้... ผ่านความผิดหวังมานับไม่ถ้วน และก็รู้อีกว่า... แต่ละครั้งนั้น ล้วนมีบทเรียนที่หาค่าไม่ได้แอบซ่อนอยู่หลังความเสียใจ...

แต่ถึงรู้อย่างนั้น... มันก็ยังอด "สะเทือน" นิดหน่อย ไม่ได้จริงๆ ความผิดหวังที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ดูจะยิ่งใหญ่เกินจริงทุกครั้งไป คงเป็นเพราะเรายังไม่หลุดออกมาจากมันกันแน่นะ...

สิ่งที่ทำไ้ด้... คงทำได้แค่ให้เวลากับความผิดหวังซักพักเล็กๆ.... แล้วก็ต้องถอนตัวขึ้นมา มองย้อนกลับไปในสิ่งที่เราทำพลาดไว้ ว่าเราขาดอะไรอยู่.... ต้องทำอะไรให้ดีขึ้นบ้าง เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส เปลี่ยนความผิดหวังให้เป็นบทเรียน .... เหมือนทุกๆ ครั้งที่เคยผ่านมา

ใครบางคนเคยบอกไว้ว่า ชีวิต บางทีก็เหมือนรอขึ้นรถเมล์... ถ้าเราพลาดคันนี้ อย่างน้อยเราก็รู้แล้วว่าทำไมเราถึงตกรถ... เราลืมโบกรึเปล่า หรือเราเหม่อลอย หรือบางทีเรายืนไม่ตรงป้าย.... พอรู้อย่างนี้ คราวหน้าจะได้ไม่ทำ... คันหน้าจะได้ไม่พลาดอีก

....

ขอจบด้วยเพลงเก่าๆ... ที่เนื้อหายังคงใหม่อยู่เสมอ... นะครับ

อย่ายอมแพ้ (อ้อม สุนิสา)

หากวันนี้เราล้มลงยังคงลุกขึ้นได้ใหม่

ก็ยังคงมีหนทางถ้ายังมียิ้มสดใสก้าวไป

อย่าหวั่นไหวหวาดกลัว

พร้อมทนทุกข์หมองหม่น

ผจญความมืดหมองมัว

ไม่กลัวจะฝันถึงวันใหม่



หากวันใดอ่อนแอท้อแท้อย่าหวั่นไหว

ขอให้ใจไม่สิ้นหวัง

ปัญหาแม้จะหนัก ก็คงไม่เกินกำลัง

อย่าหยุดยั้งก้าวไป


ขออย่ายอมแพ้ อย่าอ่อนแอแม้จะร้องไห้

จงลุกขึ้นสู้ไป จุดหมายไม่ไกลเกินจริง

....

เป็นกำลังใจให้คนเดินทางทุกคนครับ....

วันอาทิตย์ที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐

ทำ web... อะไรดี





เมื่อวานนนี้...ได้มีโอกาสไปงานสัมมนา Next E-Business Model 2.0 ที่จัดโดย ThaiVenture.com ร่วมกับ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้ข้อคิดอะไรดีๆ หลายอย่างทีเดียว เลยอยากจะเอามาแบ่งปันกัน

สำหรับ developer ทั้งหลายที่อยู่ในโลกของการเขียน application โดยเฉพาะ web application ทั้งหลาย ... เคยกันมั้ยครับ กับการที่มีความรู้สึกว่า อยากทำเวบดีๆซักเวบ... แต่ไม่รู้จะทำอะไรดี ก็ได้แต่ใช้บริการชาวบ้านชาวเมืองเค้าที่มีเวบดีๆ ใหม่ๆ มาให้เราเล่นเรื่อยๆ

... พูดอีกอย่างหนึ่งก็... ไอเดียตัน ไม่รู้จะทำอะไรดี...

ลองมาแชร์ไอเดียกันนิดนึงครับ ความจริงแล้วการสร้างอะไรใหม่ๆ ขึ้นมา เราไม่จำเป็นที่จะต้องเริ่มจากศูนย์ทั้งหมด แต่ยังสามารถเอาสิ่งที่มีอยู่แล้วมาต่อยอดได้อีก (synthesis) ลองคิดดูแบบง่ายๆ ที่สุดในการสร้าง web application ขึ้นมาก็คือ ... ลองมองไปรอบๆ ตัว แล้วดูว่ามีอะไรบ้าง เช่น
  • หนังสือพิมพ์
  • ร้านค้าปลีก
  • ทีวี, วิทยุ
  • ไดอารี่
  • ร้านหน้งสือ
  • Music Shop
  • สภากาแฟ

    แล้วก็เอามาทำเป็น web ซะ... ดูดีมีระดับ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับผู้คนโลกไซเบอร์ กลายเป็น
  • Online Newspaper
  • Online Shopping
  • e-TV / podcast
  • Diary Online
  • Online BookStore
  • iTune
  • Webboard

    ต่อมา... เรามาว่ากันถึงการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ดูบ้าง ถ้าจะพูดถึง concept ในยุค web2.0 กำลังเฟื่องฟู ก็ต้องพูดว่า "Web 2.0 - Make our life easier" คือถ้าจะหาอะไรใหม่ๆ ก็ต้องดูด้วยว่า ไอ้สิ่งที่จะทำเนี่ย มันช่วยให้ชีวิตใครดีขึ้นบ้าง... หรือช่วยลดค่าใช้จ่ายอะไรลงได้บ้าง ค่าใช้จ่ายเหล่านี้เค้าเรียกกันว่า Transaction Cost ครับ ตัวอย่าง Transaction Cost ก็มีดังต่อไปนี้
  • Fix cost of exchange - คือ ค่าใช้จ่ายทั่วไปเวลาซื้อของ เช่น ใบเสร็จ อุปกรณ์ใส่สินค้า packaging ฯลฯ
  • Search cost - ประมาณว่า กว่าผู้ผลิตกับผู้บริโภคจะเจอกันได้เนี่ย ต้องเสียค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าเดินทาง
  • Information cost - ค่าใช้จ่ายและเวลาในการค้นหาข้อมูล
  • Monitoring cost - ค่าดูแลรักษาและจับตาดูมาตรฐานของสินค้า เช่น ถ้าเราซื้อไก่จากฟาร์มเราต้องคอยตรวจสอบว่า จะมีครั้งไหนเค้าให้ไก่หวัดนกมาบ้างรึเปล่า เป็นต้น

    คราวนี้ เราก็ต้องคอยมองหาว่า เวลาเราสร้างระบบขึ้นมาอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้คนเนี่ย มันลด Transaction cost เหล่านี้ไปบ้างมากน้อยแค่ไหน...

    พอได้ไอเดียกันบ้างมั้ยครับ ... อันนี้เป็น opening ของสัมมนาคราวนี้ เอาไว้จะทยอยๆ เอามาเล่าให้ฟังอีก
  • วันศุกร์ที่ ๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐

    Building Trust






    วันนี้... ผมได้ข้อคิดดีๆ ที่จำได้ง่ายๆ เกี่ยวกับการสร้าง Trust ในชีวิตการทำงาน...

    "Trust " ก็คือ ความเชื่อมั่น และความไว้วางใจในการทำงาน แนวทางหนึ่งในการสร้าง Trust คือการใช้หลัก 4C ดังนี้

    Credit คือการ มี "เครดิต" ในที่ทำงาน นั่นคือ เราพูดอะไรออกไป ต้องทำให้ได้อย่างนั้น ไม่โกหกหลอกลวงใคร

    Communication มีความสามารถในการสื่อสาร... เอ้า ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะครับ สื่อสารเก่ง ก็คือ เวลาพูดต้องชัดเจน มีประสิทธิภาพ ถูกคน ถูกที่ ถูกเวลา แล้วยังต้องฟังเก่งด้วย ไม่ใช่เอาแต่พูดอย่างเดียว

    Consistence คือ ความเสมอต้นเสมอปลาย สม่ำเสมอ คงเส้นคงวา หรืออีกมุมนึงคือต้องมี "ความจริงใจ" เอาง่ายๆ ว่า ถ้าเราทำดีกับใครแค่ตอนจะใช้ประโยชน์จากเขา... นานไป ใครจะเชื่อใจเรา

    Care สุดท้าย... คือ เราต้องใส่ใจในทุกๆ อย่าง care งาน care คน และ care องค์กร เมื่อเราใส่ใจกับทุกๆสิ่ง ก็จะทำให้ทุกอย่างออกมาดี รวมทั้งสุขภาพจิตเราก็จะดีไปด้วย

    สรุปจาก คอลัมน์ ถอดรหัสธุรกิจ ใน กรุงเทพธุรกิจรายสัปดาห์ ฉบับ วันที 4-10 พ.ค. 2550